วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Postcard from Phrachan




Love-Lust...รัก-หลง
Photobucket
...
โดนกดดันอ่ะ อันเนื่องมาจาก
http://thekung.multiply.com/photos/album/121/121

สุดท้ายก็หามาจนได้
ใครเหมาโปสการ์ดชุดนี้

เราจะแถมภาพวาดสีน้ำให้อีกหนึ่งรูป

โปรโมชั่นสุดๆ กลัวไม่มีคนซื้ออ่ะ 555

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วาดไว้...ในอัมพวา




จับดินสอ…วาดเส้น…ลงกระดาษ
บรรจงวาด…สรรพสิ่ง…เท่าที่เห็น
มองทุกอย่าง…เท่าที่…มันจะเป็น
ใจเย็นเย็น…ขำ ขำ…ค่อยผ่อนคลาย
...
Photobucket

อันนี้ไม่เกี่ยวกะอัมพวา
...
Photobucket
...
อยากฟังนิทานหิ่งห้อยมั๊ยคะ
ถ้าอยากฟัง...เข้ามาใกล้ๆสิ
จะเล่าให้ฟัง...:)



ภาค 2, 3 กดเอาเองนะคะ
...
Trip นี้ มาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเท่าไหร่ ประมาณว่าบ้านริมน้ำแม่น้ำท่าจีน
ปิดปรับปรุงชั่วคราวด้วยพระอาจารย์หนีไปบวช...ทิ้งเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์
ผู้ร้อนวิชาทั้งหลาย(เพราะเสียค่าเรียนไปก็มิใช่น้อยๆ)
ต่างก็แสวงหาที่ฝึกปรือฝีมือ จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า...ที่นี่ล่ะว่ะ...อัมพวา

เราไปพักกันที่...กนกรัตน์รีสอร์ท...ที่นี่เหมาะสำหรับปลีกวิเวกจริงๆ
มี...Wireless ให้ใช้ฟรี กาแฟฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าของก็น่ารัก อัธยาศัยดี

http://www.kanokratresort.com/

...

Photobucket
...
Photobucket

วันแรกของการวาดรูป

ได้เริ่มเอาก็บ่ายแก่ๆไปแล้ว วิว...ป่าจาก...ที่เลือกมาเป็นแบบวาดยากชะมัด ไม่ประสบความสำเร็จและเละไปพร้อมกับสายฝนที่ตกมาอย่างหนัก ในเมื่อทำไรไม่ได้มากนัก ถ่ายรูปเล่นน่าจะเป็นทาง
ออกที่ดีที่สุดในตอนนั้น ตอนเย็นฝนเริ่มซา เราออกไปทานข้าวกันที่ตลาดน้ำอัมพวา

โดยจองเรือพายเอาไว้กับทางรีสอร์ท เรือพายลำนี้เป็นเรือขุดเก่าแก่อายุพอๆกะ ลุงสำเนียก ซึ้งเป็นเจ้าของ หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็ได้เวลาไปดูหิ่งห้อย ตลอดระยะเวลาที่พายเรือไปลุงสำเหนียกทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์อัมพวาไปด้วยในตัว เวลาพายเรือผ่านบ้านเรือนไทยริมน้ำสวยๆหลายหลังแกก็เล่าประวัติบ้านนั้นๆให้ฟัง

ลุงแกเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลคุยได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมือง แกเล่าให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้มีเรือพายพานักท่องเที่ยวมาดูหิ่งห้อยน้อยลงและนำเรือยนต์มาแทนที่เพราะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้หลายรอบ แต่ก็ทำความรำคาญให้กับชาวบ้านแถวนั้นถึงกับตัดต้นลำพูทิ้งไปเลยก็มี

บางครั้งก็สอดแทรกคำสอน+ธรรมะแบบบ้าน บ้านในเรื่องการทำหากินให้ฟังว่า...จำไว้นะหนู อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา...และอื่นๆอีกเยอะแยะ

จนกระทั่งมาถึงทางแยกที่จะกลับไปรีสอร์ทที่พักแต่แกบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปดูหิ่งห้อยที่เยอะกว่านี้ ว่าแล้วก็พายเรือตรงไปในเส้นทางที่เรือยนต์เข้าไปไม่ถึง เวิ้งน้ำในส่วนนั้นนิ่ง สงบเพราะมีเรือพายอยู่ลำเดียว หิ่งห้อยบริเวณนี้จะมากกว่าในส่วนอื่นๆที่นั่งเรือผ่านมา ลุงบอกว่าจะเรียก...หิ่งห้อยให้ลงมาจากต้นลำพูให้ลงมาหาพวกเรา...ว่าแล้วก็พายเรือเข้าไปใกล้ต้นลำพู ไม่ถึงอึดใจฝูงหิ่งห้อยก็บินลงมารายล้อมพวกเราที่อยู่บนเรือ เป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดเลย เสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปมาได้ ถามแกว่า...ลุงทำได้งัยอ่ะค่ะ แกบอกว่า...มีปัญญาเหมือนมีทรัพย์ เอากะแกสิ

คืนนั้นอิ่มตา อิ่มใจ นอนหลับสนิท

วันที่ 2

เช้าวันนี้ทางรีสอร์ทเตรียมอาหารไว้ให้ใส่บาตร นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ใส่บาตรพระตอนเช้า ชาติก่อนเราคงเคยทำบุญร่วมกัน ชาตินี้ถึงได้มีโอกาสมาทำบุญร่วมกันอีก วันนี้อากาศดีมากๆ เราเตรียมอุปกรณ์มาวาดรูปกันต่อ หลังจากเมื่อวานรูปเละไปพร้อมกับสายฝนแล้ว วันนี้เปลี่ยนใจเอาสีไม้มาวาด ฝึกลงน้ำหนัก วิธีนี้ก็ดีเหมือนกันรูปไม่เสร็จก็เอามาทำต่อที่บ้านได้ ช่วงบ่ายตระเวณเที่ยววัดและตลาดน้ำในอัมพวา

...
ส่วนรูปหุ่นนิ่งดอกไม้นั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น้องเปิ้ลชวนไปวาดที่นครปฐม
เพราะกลุ่มเพื่อนๆที่เรียนคลาสเดียวกันมา เค้านัดกันเลยได้รูปดอกไม้มาอีกรูป


วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ว่าด้วยเรื่องของ...สุนทรียภาพญี่ปุ่น

จาก เยินเงาสลัว (In Praise of Shadows) ถึง วะบิ-ซะบิ (Wabi Sabi)

Photobucket

 

       เมื่อหลายปีก่อนได้รับหนังสือ...เยินเงาสลัว...มาจากสาวน้อยที่มีนามว่าเดือน  จำได้ว่าอ่านอยู่หลายรอบกว่าจะจบเพราะลักษณะการเขียนจะออกแนวบทความเชิงวิชาการแต่หลังจากอ่านจบได้อะไรๆ จากหนังสือเล่มนี้ไปค่อนข้างเยอะเราเห็นความงามไม่ใช่ในตัวของสิ่งนั้นแต่เห็นในแบบแห่งเงาสลัวซึ่งเกิดขึ้นจากสิ่งนั้น

...

เรามิได้รังเกียจทุกสิ่งที่ทอประกายแวววับ  แต่เราสมัครนิยมความเรืองรอง อันล้ำลึกมากกว่าความเจิดจ้าอันผิวเผิน ไม่ว่าจะเป็นรัตนมณีหรือสิ่งประดิษฐ์โดยฝีมือมนุษย์ เราพอใจแสงทึมๆ  ซึ่งบ่งบอกถึงความสุกใสจากความเก่าแก่

จุนิจิโร ทานิซากิ ( Jun'ichiro Tanizaki ) ผู้เขียน

      ช่วงนั้นก็บ้าเรื่องแสงและเงาไปพักใหญ่  ชอบแสงเทียนมากกว่าแสงไฟนีออน  ชอบคืนเดือนเพ็ญมากกว่าคืนเดือนแรม  บางครั้งก็เอาไอเดียเรื่องนี้ไปใช้กับงานของออฟฟิศ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ลักษณะงานนั้นๆจะเอื้อให้ใช้ได้  ไอเดียบางอย่างที่เคยออกแบบเอาไว้แล้วโดน…Reject…ก็เก็บเข้ากรุเอาไว้เผื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้งัดออกมาใช้ได้บ้าง

    ผ่านไปหลายปีจนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาส อ่านหนังสือของนิ้วกลมโตเกียวไม่มีขา ที่หน้าปกมีประโยคสั้นๆประโยคหนึ่งว่า บันทึกการเดินทางค่อนข้างร่วมสมัย มีแรงบันดาลใจเป็นของแถม

ในบทที่…62 โอโตซัง (วะบิ-ซะบิ )

Photobucket Photobucket

อย่าได้ครองของใช้ที่ไม่สวย

         คำขวัญประจำขบวนการรสนิยมสุนทรีย์ที่นำโดย วิลเลียม มอร์ริส ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ในอังกฤษที่ได้มีการผลิตข้าวของเครื่องใช้จำนวนมากด้วยระบบอุตสาหกรรม แน่นอนที่สุดของในระบบอุตสาหกรรมย่อมมีความงามสมบูรณ์แบบเท่ากันทุกชิ้น  ทว่า

“Beauty is in the eyes of the beholder”

ความงามนั้นไซร์อยู่ในสายตาผู้มอง

      สำหรับโอโตซัง ข้าวของเครื่องใช้ที่มีร่องรอยแห่งกาลเวลาตำหนิแห่งการใช้สอยและเอกลักษณ์แห่งหัตถกรรมนั้น มีความสุกใสในความเก่าแก่ มีความงามตามธรรมชาติที่แปรเปลี่ยน

       จาน ชาม รวมไปถึงถ้วยสาเกที่เราถืออยู่ในมือนั้น ไม่มีสักใบที่ทำจากระบบอุตสาหกรรม นั่นหมายความว่าไม่มีสักใบที่เหมือนกันและไม่มีใบไหนในโลกที่เหมือนกันแป๊ะๆ

ผมนึกถึงข้อความในหนังสือ วะบิ-ซะบิ โดยเลนนาร์ด โคเรน จากสำนักพิมพ์สวนเงินมีมาที่กล่าวว่า

สิ่งของวะบิ-ซะบิ ไม่เสแสร้งและดูกลมกลืนกับองค์รวม  พวกมันไม่ป่าวร้องว่าข้านี้สำคัญมันดำรงอยู่ร่วมกับที่เหลือของสภาพแวดล้อมของพวกมันได้โดยง่าย

     ความงามจากความไม่สมบูรณ์แบบมีเสน่ห์อย่างประหลาด หรือแท้จริงแล้ว หากเราใส่ใจมองสิ่งต่างๆอย่างใกล้ชิดแล้ว เราจะเห็นร่องรอยตำหนิต่างๆ และร่องรอยของความไม่สมบูรณ์แบบหรือตำหนิแห่งกาลเวลานั่นเอง ที่กระซิบบอกความลับของชีวิต มันค่อยๆเอ่ยปากเล่าถึงความชั่วคราวไม่เที่ยงแท้และแน่นอนของสรรพสิ่งทั้งปวง มันค่อยๆ คลี่คลายปริศนาแห่งความเปราะบางของชีวิตที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตาที่หยาบช้าและยิ่งสิ่งใดเข้าใกล้ภาวะแห่งการสูญสลาย สิ่งนั้นยิ่งมีค่าความงามและปลุกการตอบสนองทางอารมณ์ความรู้สึกได้มากยิ่งขึ้น

...

Photobucket

นี่คือหนังสือที่นิ้วกลมเขียนไว้ในโตเกียวไม่มีขา

...

วะบิ-ซะบิ (Wabi Sabi)

สำหรับศิลปิน นักออกแบบ กวี & นักปรัชญา

เลนนาร์ด โคเรน : เขียน / กรินทร์ กลิ่นขจร : แปล

เขียนถึงเรื่องที่ยากที่สุดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก

        วะบิ-ซะบิ เป็นวิถี เป็นตัวกระบวนการ เป็นศิลปะอันหยั่งลึกสู่เซน เป็นการนำเสนอความคิด ความเข้าใจชีวิต ผ่านศิลปะคือ  ความงามของสรรพสิ่งที่  ไม่สมบรูณ์แบบ ไม่คงทนถาวร และไม่เสร็จสมบรูณ์คือ ความงามของวัตถุสิ่งของที่สงบเสงียมและอ่อนน้อม คือ ความงามของวัตถุสิ่งของที่ไม่ยึดติดในคติแบบแผน

 

ไปซื้อมาอ่านเพราะอยากจะอ่านทั้งเล่มแต่งานแปลเล่มนี้กลับอ่านเข้าใจยาก ยิ่งกว่าไม่รู้ว่าผู้แปลใช้ภาษาที่ลุ่มลึกเกินไปหรือเปล่า จึงใช้เวลาในการอ่านอยู่นานพอสมควร  ในระหว่างที่ยังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่จบ ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง ช็อกโกเลต ในบางบทบางตอนที่กล่าวถึงพ่อของนางเอกที่เป็นคนที่ชอบสะสมของที่มีตำหนิไม่เว้นแม้แต่การไปแอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว  ดูหนังจบกลับมาอ่านหนังสือแปลอีกรอบ ถึงได้เข้าใจในความหมายของวะบิ-ซะบิ

        เมื่อย้อนกลับไปอ่านเยินเงาสลัวแล้ววกกลับมาอ่าน วะบิ-ซะบิ อีกรอบ มีบางสิ่งบางอย่างในความคิดเริ่มเปลี่ยนไปและเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ว่า...ทำไมถึงชอบนัก...

            โดยเฉพาะคำนำของ ดร. นิจ หิญชีระนันทน์ (อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์) ซึ่งเขียนไว้ว่า

             ในบทที่ว่าด้วย คำนิยามเฉพาะกาล  ที่ให้ความเห็นว่าคำว่า  Rustic ( หยาบและเรียบง่ายแบบชนบท:ผู้แปล) แต่ข้าพเจ้ากลับนึกไปถึงคำว่าสมถะหรือเรียกเป็นพระบาลีว่าสันตุฏฐิธรรมเข้าแนวภาษิตที่ตัวชอบที่สุดคือ ปลูกเรือนแต่พอตัว หวีหัวแต่พอเกล้า

           ในบทที่ว่าด้วยจักรวาลวะบิ-ซะบิ  มีการกล่าวถึงความเมินเฉยต่อความสูง-ต่ำ ของมูลค่าทางวัตถุ โดยการยกลำนำของ อังคาร กัลยาณพงค์ มา ความว่า

โลกนี้มิอยู่ด้วยมณีเดียวนา ทรายและสิ่งอื่นมีส่วนสร้าง

ปวงธาตุ ต่ำ กลาง ดี ดุลยภาพ  ภาคจักรพาลมิร้างเพราะน้ำแรงไหน

ภพนี้มิใช่หล้าหงษ์ทองเดียวเลย  กาก็เจ้าของครองชีพด้วย

เมาสมมุติจองหอง หินชาติ  น้ำมิตรแล้งโลกม้วยหมดสิ้นสุขศานต์

...

 

      ในบทที่ว่าด้วยการเปรียบเทียบ  เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างนวนิยม(Modernism) กับ วะบิ-ซะบิ ปรากฏว่าในความคิดเห็นบางประการที่เกี่ยวกับกาลเวลานั้น  ฝ่ายนวนิยม (Modernism) มีแนวทางมุ่งสู่อนาคต แต่ฝ่ายวะบิ-ซะบิ มีแนวทางดำรงสติอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งไปตรงกับความคิดเห็นของ…Omar Khayyam ที่ว่า

Unborn tomorrow

And dead yesterday

Why fret about them

If today be sweet

แล้วก็มาพบกับความหมายเดียวกันในแนวคิดของนักลงทุน

Yesterday is a canceled cheque.

Tomorrow is a promisory note,

Today is cash in hand

Spend it wisely

อันที่จริง พระไตรปิฎกสอนศาสนิกชนให้เข้าใจคุณค่าของปัจจุบัน อันนิรันดร์ มากว่า 25 ศตวรรษแล้ว               

อดีต ก็ล่วงไปแล้ว ไม่ควรหวนละห้อย

อนาคต ก็ยังมาไม่ถึง ไม่ควรคำนึงเพ้อหวัง

พึงคำนึงพิจารณากระทำ ปัจจุบันให้ดีที่สุดเถิด

...

      ในบทที่ว่าด้วยคุณค่าทางจิตวิญญาณของ วะบิ-ซะบิในข้อที่ว่า สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนไม่คงทน (Impermanent) มีแต่จะเสื่อมสลายและเลือนหายไปสู่ภาวะของการถูกลืมเลือน(Oblivion)และความไม่มีอยู่ (Nonexistttence) เหมือนการเบ่งบานและร่วงโรยของดอกซากุระ ซึ่งเป็นความไม่เที่ยงและให้ปลงซะว่า

มีเกิดขึ้นในเบื้องต้น

มีแปรเปลี่ยนไปในท่ามกลาง

และดับไปในที่สุด

สรุปได้ใจความสั้นๆว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

...

หลังจากที่อ่านและพิมพ์แนะนำหนังสือเล่มนี้จบ พลันกระดาษที่ไสกาว เข้าเล่มเอาไว้ไม่ดีนักก็หลุดออกมาเป็นแผ่นๆ ช่างตอกย้ำในความเป็นวะบิ-ซะบิซะจริงๆ

ปล...

ถ้วยสาเก  2 ใบนี้ขอซื้อมาจากร้านเหล้าเล็กๆที่…Minowa...ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Minowa Station…Exit 3  ไม่มากนัก วันนั้นเดินทางกลับที่พักก็ดึกแล้ว อากาศก็หนาวมากเพราะเจอฝนเข้าไปด้วยเราแวะดื่มสาเกแก้หนาวกัน  พอเจ้าของร้านเอาถ้วยสาเกมาให้เลือกสะดุดตากับถ้วย 2 ใบนี้ ถามเจ้าของร้านว่าขอซื้อได้มั๊ย เพราะชอบ เจ้าของร้านบอกว่าเป็นของเก่าเดี๋ยวนี้ไม่ผลิตแล้ว(จริงหรือป่าวไม่รู้) เอามาเป็นภาพประกอบเพราะรู้สึกว่าเข้ากับเนื้อหาที่พูดถึงพอดี

        

 

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พีพี




...
ถูกปล่อยเกาะมาปีกว่า Trip ทิ้งทวน ก่อนกลับขึ้นฝั่งอย่างถาวร
...
Photobucket
...
Photobucket
...
Photobucket
...

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ไปวาดรูปแบบ...ขำ ขำ อีกที




Photobucket
...
Photobucket

หลังจากไปเรียนเบสิกมา คราวนี้ไป…Advance…บางคนก็เรียนมาแล้วหลายครั้ง มีการบ้านมาให้ดู ส่วนเราหลังจากจบเบสิก ก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเลย หุหุ ไปทำเอาข้างหน้า

วันแรก…ช่วงเช้า

ดูเหมือนจะรื้อฟื้นของเก่า วาด 3 สี เน้นเช็คน้ำหนักของแสง 9 ระดับ ทำไปทำมาเลยได้โลกสีเขียวมา…เข้ากะกระแสโลกร้อนพอดีเลย…โดนแซวว่าลูกโลกนี้เป็นของผู้ใด มีคนที่เรียนกะพี่เป้มาหลายครั้งแล้วตั้งข้อสังเกตให้ฟังว่า

…หลายคนที่มาเรียนกับพี่เป้จะโดนกลืน ด้วยวิธีการใช้สีและวิธีการแต้มสี เรียกได้ว่าพอเห็นงานก็รู้ว่าได้เป็นลูกศิษย์ แต่ภาพที่เราวาดมันมี…Style…เฉพาะตัว(สำหรับตัวเองไม่ได้ฝึกเพิ่มจากที่เรียนมาคราวก่อนทำได้แค่นี้ก็ถือว่าโอแล้ว) รูปนี้ตอนลงสีใหม่ๆมันก็ทำท่าจะไปไม่รอดแต่ก็ทำไป เพิ่มน้ำหนักไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าพอดีกว่าก็หยุด พี่เป้มาดูเป็นระยะก็ไม่พูดอะไร แต่สุดท้ายก็เปรยหรือบ่นไม่ทราบว่า…มันก็ไปของมันได้นะ(ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี) ตอนวิจารณ์งานก็จำไม่ได้แล้วว่าวิจารณ์ว่ายังไงบ้างเพราะมัวแต่ดูรูปของคู่แฝดเพลินไปหน่อย

วันแรก…ช่วงบ่าย

หลังจากวิจาณ์งานเสร็จแล้ว ผู้สอนคงเห็นท่าไม่ดีเลยให้ฝึกเช็คน้ำหนักแสงเงากับดินสออีกครั้ง คราวนี้เลยได้…หนังใหญ่มาวัดขนอนมา เสร็จงานนี้ก็เตรียมเชิดได้เลย

วันที่ 2…ช่วงเช้า

พีเป้…ลองของ ให้ฝึกการลงน้ำหนักสีเดียวด้วยการขยี้ปลายภู่กัน แล้วแต้มสี ไล่น้ำหนักลงรูปที่ร่างเอาไว้
สายตาเราคงเพี้ยนไปแล้ว ที่เห็นรูปออกมาเป็น…Nude เพียวๆ วิธีนี้น่าสนใจดี
…เท่าที่สังเกต ภู่กันที่นำมาใช้จะเป็นภู่กันแบบแบน
…ใช้น้ำน้อยมากเรียกได้ว่า…แตะน้ำด้วยปลายภู่กันจะตรงกว่ามั๊ง
…พอผสมสีเรียบร้อยแล้วก็ให้…แต้มสีและขยี้ปลายภู่กันกับจานสีจนปลายภู่กันบาน…ใช้ภู่กันแรเงารูปไล่น้ำหนักอ่อนแก่(ที่สำคัญน้ำต้องน้อยมากๆ)
…วิธีนี้เป็นการฝึกเช็คน้ำหนักอ่อนแก่ของภาพ(ถ้าน้ำหนักได้ รูปทรงก็จะได้ตามมา)

Photobucket


วันที่ 2…ช่วงบ่าย

คราวนี้ให้วาด Landscape โดยมีบ้านตัวอย่างอยู่ข้างหน้าในที่สุดก็ได้กระท่อมปลายนามาแบบหืดขึ้นคอ
…วิธีการลงสีรูป…Landscape…

…การใช้สีชุดที่ 1 แทนค่าน้ำหนักในกลุ่มของแสง
น้ำหนักในกลุ่มของแสง มี 3 ระดับคือ น้ำหนักอ่อน กลาง เข้ม สีที่นำมาใช้แทนค่าคือ เหลือง แดง น้ำเงิน

สีเหลืองแทนน้ำหนักอ่อน…มีความเป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกสี สามารถระบายสีเหลืองได้ทั่วทั้งภาพและเป็นพื้นฐานให้เกิดสีใหม่

สีแดงแทนน้ำหนักกลาง…แทนความสว่างของแสงที่สาดส่องไปที่ต้นไม้ในบริเวณกว้าง สามารถทับน้ำหนักแรกในบริเวณที่เข้มกว่าและเว้นสีเหลืองไว้ในบริเวณที่อ่อนกว่า

สีน้ำเงินแทนน้ำหนักเข้ม…แทนบริเวณที่ถูกแสงน้อยหรือบริเวณที่มืดกว่าสีเหลืองและแดง
...
(ยังมีต่อ)

กว่าจะเสร็จก็ค่ำแล้ว
กว่าจะได้กลับก็มืดแล้ว
แวะไปทานข้าวที่…บาร์บาหลี เพราะเป็นทางผ่าน

อิ่ม...กลับบ้านนอนสลบเป็นตาย ตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงของอีกวัน

ไปวาดรูปแบบ...ขำ ขำ


กลิ่นดินโชยกระทบจมูก

ที่เก่า...เวลาเดิม
มุมมอง...ใหม่ ใหม่
กับ...Concept...เดิม เดิม
ขำ ขำ...ผ่อนคลาย...ไม่เครียด
เลยได้รูปมาเพียบ
...
หุหุ...ไปวาดรูปค่ะ ถ่ายรูปคือผลพลอยได้