
Love-Lust...รัก-หลง

...
โดนกดดันอ่ะ อันเนื่องมาจาก
http://thekung.multiply.com/photos/album/121/121
สุดท้ายก็หามาจนได้
ใครเหมาโปสการ์ดชุดนี้
เราจะแถมภาพวาดสีน้ำให้อีกหนึ่งรูป
โปรโมชั่นสุดๆ กลัวไม่มีคนซื้ออ่ะ 555
จาก เยินเงาสลัว (In Praise of Shadows) ถึง วะบิ-ซะบิ (Wabi Sabi)
เมื่อหลายปีก่อนได้รับหนังสือ...เยินเงาสลัว...มาจากสาวน้อยที่มีนามว่าเดือน จำได้ว่าอ่านอยู่หลายรอบกว่าจะจบเพราะลักษณะการเขียนจะออกแนวบทความเชิงวิชาการแต่หลังจากอ่านจบได้อะไรๆ จากหนังสือเล่มนี้ไป…ค่อนข้างเยอะ…‘เราเห็นความงามไม่ใช่ในตัวของสิ่งนั้นแต่เห็นในแบบแห่งเงาสลัวซึ่งเกิดขึ้นจากสิ่งนั้น‘
...
เรามิได้รังเกียจทุกสิ่งที่ทอประกายแวววับ แต่เราสมัครนิยมความเรืองรอง อันล้ำลึกมากกว่าความเจิดจ้าอันผิวเผิน ไม่ว่าจะเป็นรัตนมณีหรือสิ่งประดิษฐ์โดยฝีมือมนุษย์ เราพอใจแสงทึมๆ ซึ่งบ่งบอกถึงความสุกใสจากความเก่าแก่
จุนิจิโร ทานิซากิ ( Jun'ichiro Tanizaki ) ผู้เขียน
…
ช่วงนั้นก็บ้าเรื่องแสงและเงาไปพักใหญ่ ชอบแสงเทียนมากกว่าแสงไฟนีออน ชอบคืนเดือนเพ็ญมากกว่าคืนเดือนแรม บางครั้งก็เอาไอเดียเรื่องนี้ไปใช้กับงานของออฟฟิศ มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ลักษณะงานนั้นๆจะเอื้อให้ใช้ได้ ไอเดียบางอย่างที่เคยออกแบบเอาไว้แล้วโดน…Reject…ก็เก็บเข้ากรุเอาไว้เผื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้งัดออกมาใช้ได้บ้าง
…
ผ่านไปหลายปีจนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาส อ่านหนังสือของ…นิ้วกลม…โตเกียวไม่มีขา ที่หน้าปกมีประโยคสั้นๆประโยคหนึ่งว่า บันทึกการเดินทางค่อนข้างร่วมสมัย มีแรงบันดาลใจเป็นของแถม
ในบทที่…62 โอโตซัง (วะบิ-ซะบิ )
“อย่าได้ครองของใช้ที่ไม่สวย”
คำขวัญประจำขบวนการรสนิยมสุนทรีย์ที่นำโดย วิลเลียม มอร์ริส ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ในอังกฤษที่ได้มีการผลิตข้าวของเครื่องใช้จำนวนมากด้วยระบบอุตสาหกรรม แน่นอนที่สุดของในระบบอุตสาหกรรมย่อมมีความงามสมบูรณ์แบบเท่ากันทุกชิ้น ทว่า…
“Beauty is in the eyes of the beholder”
ความงามนั้นไซร์อยู่ในสายตาผู้มอง
สำหรับโอโตซัง ข้าวของเครื่องใช้ที่มีร่องรอยแห่งกาลเวลาตำหนิแห่งการใช้สอยและเอกลักษณ์แห่งหัตถกรรมนั้น มีความสุกใสในความเก่าแก่ มีความงามตามธรรมชาติที่แปรเปลี่ยน
จาน ชาม รวมไปถึงถ้วยสาเกที่เราถืออยู่ในมือนั้น ไม่มีสักใบที่ทำจากระบบอุตสาหกรรม นั่นหมายความว่าไม่มีสักใบที่เหมือนกันและไม่มีใบไหนในโลกที่เหมือนกันแป๊ะๆ
…
…
…
ผมนึกถึงข้อความในหนังสือ วะบิ-ซะบิ โดยเลนนาร์ด โคเรน จากสำนักพิมพ์สวนเงินมีมาที่กล่าวว่า
“สิ่งของวะบิ-ซะบิ ไม่เสแสร้งและดูกลมกลืนกับองค์รวม พวกมันไม่ป่าวร้องว่า…ข้านี้สำคัญ…มันดำรงอยู่ร่วมกับที่เหลือของสภาพแวดล้อมของพวกมันได้โดยง่าย”
…
ความงามจากความไม่สมบูรณ์แบบมีเสน่ห์อย่างประหลาด หรือแท้จริงแล้ว หากเราใส่ใจมองสิ่งต่างๆอย่างใกล้ชิดแล้ว เราจะเห็นร่องรอยตำหนิต่างๆ และร่องรอยของความไม่สมบูรณ์แบบหรือตำหนิแห่งกาลเวลานั่นเอง ที่กระซิบบอกความลับของชีวิต มันค่อยๆเอ่ยปากเล่าถึงความชั่วคราวไม่เที่ยงแท้และแน่นอนของสรรพสิ่งทั้งปวง มันค่อยๆ คลี่คลายปริศนาแห่งความเปราะบางของชีวิตที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตาที่หยาบช้าและยิ่งสิ่งใดเข้าใกล้ภาวะแห่งการสูญสลาย สิ่งนั้นยิ่งมีค่าความงามและปลุกการตอบสนองทางอารมณ์ความรู้สึกได้มากยิ่งขึ้น
...
นี่คือหนังสือที่นิ้วกลมเขียนไว้ในโตเกียวไม่มีขา
...
วะบิ-ซะบิ (Wabi Sabi)
สำหรับศิลปิน นักออกแบบ กวี & นักปรัชญา
เลนนาร์ด โคเรน : เขียน / กรินทร์ กลิ่นขจร : แปล
เขียนถึงเรื่องที่ยากที่สุดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก
วะบิ-ซะบิ เป็นวิถี เป็นตัวกระบวนการ เป็นศิลปะอันหยั่งลึกสู่เซน เป็นการนำเสนอความคิด ความเข้าใจชีวิต ผ่านศิลปะคือ ความงามของสรรพสิ่งที่ ไม่สมบรูณ์แบบ ไม่คงทนถาวร และไม่เสร็จสมบรูณ์คือ ความงามของวัตถุสิ่งของที่สงบเสงียมและอ่อนน้อม คือ ความงามของวัตถุสิ่งของที่ไม่ยึดติดในคติแบบแผน
…
ไปซื้อมาอ่านเพราะอยากจะอ่านทั้งเล่มแต่งานแปลเล่มนี้กลับอ่านเข้าใจยาก ยิ่งกว่า…ไม่รู้ว่าผู้แปลใช้ภาษาที่ลุ่มลึกเกินไปหรือเปล่า จึงใช้เวลาในการอ่านอยู่นานพอสมควร ในระหว่างที่ยังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่จบ ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง ช็อกโกเลต ในบางบทบางตอนที่กล่าวถึงพ่อของนางเอกที่เป็นคนที่ชอบสะสมของที่มีตำหนิไม่เว้นแม้แต่การไปแอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว ดูหนังจบกลับมาอ่านหนังสือแปลอีกรอบ ถึงได้เข้าใจในความหมายของ…วะบิ-ซะบิ…
เมื่อย้อนกลับไปอ่านเยินเงาสลัวแล้ววกกลับมาอ่าน วะบิ-ซะบิ อีกรอบ มีบางสิ่งบางอย่างในความคิดเริ่มเปลี่ยนไปและเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ว่า...ทำไมถึงชอบนัก...
โดยเฉพาะคำนำของ ดร. นิจ หิญชีระนันทน์ (อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์) ซึ่งเขียนไว้ว่า…
ในบทที่ว่าด้วย “คำนิยามเฉพาะกาล” ที่ให้ความเห็นว่าคำว่า Rustic ( หยาบและเรียบง่ายแบบชนบท:ผู้แปล) แต่ข้าพเจ้ากลับนึกไปถึงคำว่า…สมถะ…หรือเรียกเป็นพระบาลีว่า” สันตุฏฐิธรรม “ เข้าแนวภาษิตที่ตัวชอบที่สุดคือ “ปลูกเรือนแต่พอตัว หวีหัวแต่พอเกล้า”
ในบทที่ว่าด้วยจักรวาลวะบิ-ซะบิ มีการกล่าวถึงความเมินเฉยต่อความสูง-ต่ำ ของมูลค่าทางวัตถุ โดยการยกลำนำของ อังคาร กัลยาณพงค์ มา ความว่า
โลกนี้มิอยู่ด้วยมณีเดียวนา ทรายและสิ่งอื่นมีส่วนสร้าง
ปวงธาตุ ต่ำ กลาง ดี ดุลยภาพ ภาคจักรพาลมิร้างเพราะน้ำแรงไหน
ภพนี้มิใช่หล้าหงษ์ทองเดียวเลย กาก็เจ้าของครองชีพด้วย
เมาสมมุติจองหอง หินชาติ น้ำมิตรแล้งโลกม้วยหมดสิ้นสุขศานต์
...
ในบทที่ว่าด้วยการเปรียบเทียบ เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างนวนิยม(Modernism) กับ วะบิ-ซะบิ ปรากฏว่าในความคิดเห็นบางประการที่เกี่ยวกับกาลเวลานั้น ฝ่ายนวนิยม (Modernism) มีแนวทางมุ่งสู่อนาคต แต่ฝ่ายวะบิ-ซะบิ มีแนวทางดำรงสติอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งไปตรงกับความคิดเห็นของ…Omar Khayyam ที่ว่า
Unborn tomorrow
And dead yesterday
Why fret about them
If today be sweet
…
แล้วก็มาพบกับความหมายเดียวกันในแนวคิดของนักลงทุน
Yesterday is a canceled cheque.
Tomorrow is a promisory note,
Today is cash in hand
Spend it wisely
…
อันที่จริง พระไตรปิฎกสอนศาสนิกชนให้เข้าใจคุณค่าของปัจจุบัน อันนิรันดร์ มากว่า 25 ศตวรรษแล้ว
อดีต ก็ล่วงไปแล้ว ไม่ควรหวนละห้อย
อนาคต ก็ยังมาไม่ถึง ไม่ควรคำนึงเพ้อหวัง
พึงคำนึงพิจารณากระทำ ปัจจุบันให้ดีที่สุดเถิด
...
ในบทที่ว่าด้วยคุณค่าทางจิตวิญญาณของ วะบิ-ซะบิในข้อที่ว่า สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนไม่คงทน (Impermanent) มีแต่จะเสื่อมสลายและเลือนหายไปสู่ภาวะของการถูกลืมเลือน(Oblivion)และความไม่มีอยู่ (Nonexistttence) เหมือนการเบ่งบานและร่วงโรยของดอกซากุระ ซึ่งเป็นความไม่เที่ยงและให้ปลงซะว่า
มีเกิดขึ้นในเบื้องต้น
มีแปรเปลี่ยนไปในท่ามกลาง
และดับไปในที่สุด
สรุปได้ใจความสั้นๆว่า…เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
...
หลังจากที่อ่านและพิมพ์แนะนำหนังสือเล่มนี้จบ พลันกระดาษที่ไสกาว เข้าเล่มเอาไว้ไม่ดีนักก็หลุดออกมาเป็นแผ่นๆ ช่างตอกย้ำในความเป็นวะบิ-ซะบิ…ซะจริงๆ
ปล...
ถ้วยสาเก 2 ใบนี้ขอซื้อมาจากร้านเหล้าเล็กๆที่…Minowa...ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Minowa Station…Exit 3 ไม่มากนัก วันนั้นเดินทางกลับที่พักก็ดึกแล้ว อากาศก็หนาวมากเพราะเจอฝนเข้าไปด้วยเราแวะดื่มสาเกแก้หนาวกัน พอเจ้าของร้านเอาถ้วยสาเกมาให้เลือกสะดุดตากับถ้วย 2 ใบนี้ ถามเจ้าของร้านว่า…ขอซื้อได้มั๊ย เพราะชอบ เจ้าของร้านบอกว่าเป็นของเก่าเดี๋ยวนี้ไม่ผลิตแล้ว(จริงหรือป่าวไม่รู้) เอามาเป็นภาพประกอบเพราะรู้สึกว่าเข้ากับเนื้อหาที่พูดถึงพอดี